วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559





  วงจรไฟฟ้า (Electric circuits)

  วงจรไฟฟ้า หมายถึงอะไร ?
          หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าซึ่งไหลมาจากแหล่งกำเนิดผ่านตัวนำและเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโหลด แล้วไหลกลับไปยังแหล่งกำเนิดเดิม 
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/pongpak/2007/12/20/entry-4  


รูปตัวอย่างวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย
     อุปกรณ์ในการต่อวงจรไฟฟ้าอย่าง่าย


     อุปกรณ์ในการวัดค่าทางไฟฟ้า







      อุปกรณ์ไฟฟ้าจะทำงานได้เมื่อวงจรไฟฟ้า เป็น วงจรปิด
      ลวดตัวนำ
     ทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้า ในวงจร
  
กระแสไฟฟ้าจะไหลจาก ศักย์สูง 
ไปยังศักย์ต่ำ

ขั้วบวก ---> ขั้วลบ 

     
   อิเล็กตรอน จะไหลจากศักย์
          ต่ำไปยังศักย์สูง

ขั้วลบ ---> ขั้วบวก 




การต่อวงจรไฟฟ้ามีวิธีต่อ 3 แบบ
                                                              วิธีการต่อวงจรไฟฟ้า


     ใช้ทฤษฏีการเรียนรู้ของ Bloom (Bloom's Taxonomy)
 ในการสอนเรื่องวงจรไฟฟ้า

              
1.1 ความรู้ (Knowledge) เป็นความสามารถในการจดจำแนกประสบการณ์ต่างๆ และระลึกเรื่องราวนั้นๆ ออกมาได้ถูกต้องแม่นยำ
1.2 ความเข้าใจ (Comprehension) เป็นความสามารถบ่งบอกใจความสำคัญของเรื่องราวโดยการแปลความหลัก ตีความได้ สรุปใจความสำคัญได้
1.3 การนำความรู้ไปประยุกต์ (Application) เป็นความสามารถในการนำหลักการ กฎเกณฑ์และวิธีดำเนินการต่างๆของเรื่องที่ได้รู้มา นำไปใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์ใหม่ได้
1.4 การวิเคราะห์ (Analysis) เป็นความสามารถในการแยกแยะเรื่องราวที่สมบูรณ์ให้กระจายออกเป็นส่วนย่อยๆ ได้อย่างชัดเจน
          1.5 การสังเคราะห์ (Synthesis) เป็นความสามารถในการผสมผสานส่วนย่อยเข้าเป็นเรื่องราวเดียวกันโดยปรับปรุงของเก่าให้ดีขึ้นและมีคุณภาพสูงขึ้น

1.6 การประเมินค่า (Evaluation) เป็นความสามารถในการวินิจฉัยหรือตัดสินกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไปการประเมินเกี่ยวข้องกับการใช้เกณฑ์คือ มาตรฐานในการวัดที่กำหนดไว้ 
ที่มา : https://sirikanya926.wordpress.com/2014/01/18//ทฤษฎีการเรียนรู้ของbloom-blooms-taxono/

ที่นี้เราก็รู้จักกับทฤษฏีของ Bloom ไปแล้วในการนำทฤษฏีของ Bloom มาประยุกต์ใช้ในการสอนวิทยาศาสตร์เรื่อง วงจรไฟฟ้านั้น มีวิธีการดังนี้

1. ให้อุปกรณ์การต่อวงจรไฟฟ้า ทั้งแบบอนุกรม และ ขนาดแก่นักเรียนทุกคน 
โดยให้หัวข้อคือ ให้นักเรียนทุกคนต้องต่อวงจรขนาดและอนุกรมมาส่งครู โดยระบุวิธีการต่อและข้อดีข้อเสียขอแต่ละประเภท โดยครูจะไม่บอกวิธีการต่อ และไม่บอกข้อดีข้อเสีย เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยการปฏิบัติจริง 



ขั้นนี้จะเป็นขั้น Knowledge และ Comprehension คือการนำ ความรู้และความเข้าใจ มาใช้ในการต่อวงจรไฟฟ้าแต่ละรูปแบบและสรุปต้องสรุปการต่อให้ครู
2. เมื่อนักเรียนต่อและสรุปส่งให้ให้ครูแล้ว ครูจะให้นักเรียน Application คือ การนำความรู้ไปประยุกต์ โดยการให้หัวข้อ ให้นักเรียนประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องเล่นหรือเครื่องใช้จากการต่อวงจรไฟฟ้าที่นักเรียนสนใจมา 1 ชิ้นและวิเคราะห์การทำงานของอุปกรณ์นั้น 


                   ขั้นนี้จะเป็นชั้น การนำความรู้เรื่องการต่อวงจรไฟฟ้าไปประยุกต์ (Application)  อีกทั้งยังมี การวิเคราะห์ (Analysis)  การทำงานของสิ่งประดิษฐ์ของนักเรียนด้วย
               3. การนำสิ่งประดิษฐ์ส่งครู นักเรียนจะต้องปรับปรุงสิ่งประดิษฐ์ของตัวเองให้ดีที่สุด และเมื่อส่งสิ่งประดิษย์ครบแล้ว จะมีการประกวดสิ่งประดิษฐ์โดยให้นักเรียนเป็นคนให้คะแนนกันเอง

              ขั้นนี้จะมีการ  การสังเคราะห์ (Synthesis) ชิ้นงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพให้ดีกว่าเก่าและ มีการ การประเมินค่า (Evaluation) ชิ้นงานโดยตัวนักเรียนสามารถประเมินวินิจฉัยหรือตัดสิน สิ่งประดิษฐ์ของเพื่อนด้วยเกณฑ์และมาตรฐานที่กำหนดไว้ 

          ถ้าได้จัดการเรียนการสอนในข้างต้นจนครบทุกขั้นตอน นักเรียนจะได้ความรู้การตัดสินใจและวิธีการแก้ปัญหาที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และเป็นผลงานของนักเรียนในอนาคตอีกทั้งยังช่วยให้นักเรียนมีแรงบันดาลใจในการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆในภายภาคหน้า

"การเรียนวิทยาศาสตร์ ไม่ใช้แค่เรียนทฏดี แต่ต้องนำไปปฏิบัติ
และสามารถนำไปใช้ ให้เกิดประโยชน์ แก่มนุษย์สยชาติ"


ข้อมูลผู้จัดทำ นาย ธนาพร เขียนสุวรรณ 5611500348 นักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์ทั่วไป  คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม ติดต่อ 092-375-0085


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น